สงสัยเกี่ยวกับสถิติ VALORANT ของคุณในปี 2024 ใช่ไหม เพียงกรอก Riot ID ของคุณ + แท็กที่เว็บไซต์ VALORANT Flashbackของเราเพื่อรับรายละเอียดทั้งหมดได้เลย หากเว็บไซต์เกิดข้อผิดพลาดและคุณเพิ่งเปลี่ยน Riot ID ของคุณเมื่อเร็ว ๆ นี้ ลองใช้ Riot ID เดิมของคุณดูสิ!

การแก้ไขปัญหาแชทด้วยเสียงของ VALORANT

การเป็นที่หนึ่งในสนามรบนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับปฏิกิริยาตอบสนองที่รวดเร็วและการเล็งเป้าหมายสุดแม่นยำเท่านั้น คุณจะต้องคอยรับฟังอยู่เสมอด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการร่วมมือวางแผนกับทีมเพื่อทำการสังหารได้อย่างถูกจังหวะหรือรู้ว่าเมื่อไหร่ที่ควรปิดเสียงแชทเพื่อตั้งสมาธิกับภารกิจของคุณ การเรียนรู้ให้คุ้นชินกับการควบคุมระบบเสียงนั้นสามารถพลิกสถานการณ์ในเกมได้เลยทีเดียว

ไปที่ การตั้งค่า > ตั้งค่าเสียง > ระบบแชทด้วยเสียง คุณจะสามารถปรับไมโครโฟนของคุณ เปิดปิดระบบแชทด้วยเสียงของทีมได้ทั้งในเกมและนอกเกม รวมถึงปรับปุ่มลัดการแชทด้วยเสียงสำหรับการควบคุมขั้นสูงขึ้นได้

ภาพหน้าจอของเมนูการตั้งค่าเสียงใน VALORANT

พบปัญหาเกี่ยวกับการแชทด้วยเสียงใช่ไหม? อ่านต่อได้เลย

การตรวจสอบขั้นพื้นฐานในการตั้งค่าไคลเอนต์ VALORANT

ก่อนที่จะไปปรับตัวฮาร์ดแวร์กัน ในขั้นแรกนั้น ต้องให้มั่นใจก่อนว่าการตั้งค่าในไคลเอนต์นั้นถูกตั้งไว้อย่างถูกต้องดีแล้ว:

    1. กดปุ่มรูปฟันเฟืองที่อยู่ด้านบนของไคลเอนต์และกดเข้าไปที่ การตั้งค่า > ตั้งค่าเสียง > ระบบแชทด้วยเสียง
    2. เปิดใช้งาน การทดสอบลูปแบ็ค เพื่อทดสอบไมค์ของคุณ
      • หากคุณได้ยินเสียงของคุณในการทดสอบนี้ หมายความว่าการตั้งค่านั้นปกติดี
      • แต่หากคุณไม่ได้ยินเสียงของคุณในการทดสอบนี้ ให้คุณอัปเดตการตั้งค่าต่อไปนี้และลองทดสอบลูปแบ็คใหม่อีกครั้ง
        อุปกรณ์ส่งออกเสียง
        เลือกหูฟัง/ลำโพงที่คุณต้องการ
        อุปกรณ์รับเสียง
        เลือกไมค์ที่คุณต้องการ

      ยังคงไม่ได้ยินเสียงของคุณเองใช่ไหม? งั้นมาดูส่วนถัดไปกัน การแก้ไขปัญหาในส่วนของอุปกรณ์และอุปกรณ์ต่อพ่วง เมื่อคุณทดสอบลูปแบ็คเรียบร้อยแล้ว ให้คุณตรวจสอบการตั้งค่าแชทเสียงในปาร์ตี้และแชทเสียงในทีมเป็นอันดับถัดไป!

    3. ให้มั่นใจว่าการตั้งค่าเหล่านี้อย่างน้อยหนึ่งส่วนได้เปิดใช้งานไว้:
      แชทด้วยเสียงกับปาร์ตี้
      แชทด้วยเสียงกับปาร์ตี้ของคุณ (ผู้เล่นที่คุณเริ่มจับคู่ด้วยกัน)
      คุณสามารถกดเพื่อสื่อสาร (PTT) หรือตั้งค่าให้เปิดใช้งานแชทเสียงโดยอัตโนมัติก็ได้ สำหรับ PTT นั้น คุณจะต้องกดปุ่มค้างไว้เพื่อเปิดใช้งานการสื่อสารด้วยเสียง ปุ่มลัดเริ่มต้นนั้นจะเป็นปุ่ม U
      แชทด้วยเสียงกับทีม
      แชทด้วยเสียงกับเพื่อนร่วมทีมทั้งหมด ในการตั้งค่าเริ่มต้นนั้น การตั้งค่านี้จะถูกเปิดใช้งานไว้ แต่แชทเสียงในทีมจะเป็นรูปแบบการกดเพื่อสื่อสาร (PTT) เท่านั้น ปุ่มลัดเริ่มต้นนั้นจะเป็นปุ่ม V

      PTT เป็นการตั้งค่าเริ่มต้น

      ให้คุณรู้ไว้ว่า ในตอนที่คุณติดตั้ง VALORANT นั้น แชทเสียงในปาร์ตี้และแชทเสียงในทีมนั้นจะถูกตั้งค่าเริ่มต้นเปิดใช้งานไว้ทั้งคู่ แต่ก็จะถูกตั้งค่าเริ่มต้นในรูปแบบ PTT ดังนั้นถ้านี่เป็นครั้งแรกของคุณสำหรับการแชทด้วยเสียงล่ะก็ ให้คุณลองกดปุ่ม U (เพื่อสื่อสารกับปาร์ตี้ของคุณ) หรือ V (เพื่อสื่อสารกับทีมของคุณ) แล้วพูดทักทายดู

    4. หาก PTT ยังไม่สามารถใช้งานในตัวเกมได้ ให้คุณออกจากโปรแกรมทั้งหมดที่ใช้งานไมค์ของคุณ แล้วลองรีสตาร์ท VALORANT

      ปุ่มลัดสำหรับ PTT ที่ทับซ้อนกัน

      หากคุณเปิดใช้งานแอปสื่อสาร/เสียงอื่นอยู่ ให้คุณตรวจสอบว่ามันไม่ได้ใช้ปุ่มสำหรับ PTT เดียวกับ VALORANT ลองเปลี่ยนปุ่มลัดสำหรับ PTT ในการตั้งค่าของ VALORANT หรือแอปอื่น ๆ ที่คุณเปิดอยู่ดู เพื่อที่แอปต่าง ๆ จะได้ไม่ใช้งานปุ่มลัดสำหรับ PTT ที่ซ้ำกัน

การแก้ไขปัญหาในส่วนของอุปกรณ์และอุปกรณ์ต่อพ่วง

หากคุณไม่ได้ยินเสียงของคุณผ่านทางลำโพง/หูฟังของคุณในการทดสอบลูปแบ็ค ให้คุณลองทำตามเคล็ดลับเหล่านี้:

ตรวจสอบอุปกรณ์และอุปกรณ์ต่อพ่วงของคุณ:

  1. ให้มั่นใจว่าหูฟังและไมโครโฟนของคุณไม่ได้ถูกปิดเสียงไว้
  2. ตรวจสอบว่าเสียงไม่ได้หรี่จนต่ำเกินไป ตรวจสอบทั้ง:
    • การควบคุม Physical Volume ในตัวหูฟังของคุณ
    • การตั้งค่าเสียงบนคอมพิวเตอร์ของคุณ
  3. ทดสอบในแอปอื่น (เช่น แอปสำหรับประชุมด้วยเสียง หรือเปิดวิดีโอเพื่อทดสอบเสียงที่ออกมา) เพื่อให้มั่นใจว่าไมค์และหูฟังของคุณนั้นเชื่อมต่ออย่างถูกต้อง

ปรับการตั้งค่าเสียงของคุณ:

  1. คลิกขวาที่ไอคอนรูปลำโพงที่ System Tray บน Windows ของคุณและกดที่ Sounds
  2. ไปที่แท็บ Recording และตรวจสอบว่าไมค์หลักของคุณได้ตั้งค่าไว้ที่ Default Device ให้คุณตรวจสอบว่าแถบตัวบ่งชี้การตรวจจับเสียงทางด้านขวานั้นมีการขยับในตอนที่คุณพูด
    • เลือกไมค์หลักตัวนั้นและคลิก Properties ในแท็บ Advanced บริเวณ Exclusive Mode ให้คุณปิดใช้งาน/นำเครื่องหมายออกจากกล่องตัวเลือก Allow applications to take exclusive control of this device
    • ตั้งค่าตัวกำหนดความละเอียดของคลื่นความถี่เสียงไว้ที่ 16 bit, 44100Hz คลิก OK
  3. ไปที่แท็บ Playback และตรวจสอบว่าลำโพงหรือหูฟังที่คุณต้องการใช้งานนั้นถูกตั้งค่าไว้ที่ Default Device (เพื่อเป็นการยืนยันให้มั่นใจ คุณสามารถเปิดเสียงและตรวจสอบแถบตัวบ่งชี้ได้) คลิก OK

ให้คุณค้นหา Microphone privacy settings ในแถบค้นหาบน Windows ของคุณ และเปิดใช้งานตัวเลือก Allow apps to access your microphone

Port Forwarding / Opening Router Ports

หากการทดสอบลูปแบ็คของคุณใช้งานได้และคุณก็มั่นใจแล้วว่าปุ่มสำหรับ PTT นั้นไม่ได้ทำงานทับซ้อนกับปุ่มลัดสำหรับ PTT ของแอปเสียง/แชทอื่น แต่แชทเสียงในเกมก็ยังใช้งานไม่ได้ คุณสามารถลองตั้งค่าเปิดพอร์ตบนเราเตอร์ของคุณได้

สำหรับคู่มือเบื้องต้น ให้คุณเข้าไปดูที่ Port Forwarding และใช้งานพอร์ตต่าง ๆ ใน วิธีตั้งค่า Port Forwarding ของ VALORANT เพื่อเปิดเข้าไปที่ IP address ของ Default Gateway บนคอมพิวเตอร์ของคุณ

 

บทความนี้มีประโยชน์หรือไม่
สนับสนุนโดย Zendesk